หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม (Recontructionism)


ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม  (Recontructionism)

ความเป็นมา
               ปฏิรูป  (Reconstruct)   หมายถึง  บูรณะหรือทำขึ้นใหม่   ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม   เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นในปี  ค.. 1930  ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประสบปัญหาหลาย ๆ ด้าน  เช่น  ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ    ปัญหาความขัดแย้งระหว่างระบบนายทุนจึงเกิดนักคิดกลุ่มหนึ่งที่ได้พยายามจะแก้ปัญหาสังคมโดยให้การศึกษาเป็นตัวนำการปฏิรูปเศรษฐกิจการเมือง   และสังคม   โดยการล้มระบบเก่าที่ไม่มั่นคงและยุติธรรมลงเสีย  แล้วสร้างระบบสังคมใหม่ขึ้นมา   นักคิดกลุ่มนี้ที่เสนอบทบาทใหม่ให้กับโรงเรียนให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาสังคมนี้มีชื่อเรียกว่า   นักคิดแนวหน้า”    ผู้นำของนักคิดกลุ่มนี้  ได้แก่  จอร์จ   เอส   เค้าทส์   และ  ฮาโรลด์   รักก์    กลุ่มนี้มีความเห็นด้วยกับหลักการประชาธิปไตยโดยที่ประชาชนต้องสามารถควบคุมสถาบันและทรัพยากรต่าง ๆ  ได้เอง  โดยไม่ขึ้นอยู่กับนักการเมืองที่หวังเอาประชาชนเป็นเครื่องมือ   และประชาธิปไตยดังกล่าวนี้ควรต้องประสานความสอดคล้องกับประชาธิปไตยในแต่ละประเทศทั่วโลก
               ผู้นำของปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมตอนแรก  คือ  จอห์น   ดิวอี้   (.. 1920)   แต่แนวคิดเกี่ยวกับ   การศึกษาเพื่อปฏิรูปสังคม”    นี้ยังไม่เด่นชัดจนกระทั่งประมาณปี  ค.. 1950  ที  โอดอร์  บราเมลด์   ได้เป็นผู้ทำให้ปรัชญาศึกษาปฏิรูปนิยมเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางโดยการเสนอปรัชญาการศึกษาเพื่อการปฏิรูปสังคมในหนังสือหลายเล่มด้วยกัน  เช่น  “Pattern  of  Education  Philosophy  1950”    “Toward   a  Reconstructed   Philosophy  of   Education  1956”   และเรื่อง   Educations    Power  1965”   เป็นต้น    ทำให้บราเมลด์ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม  
              

แนวคิดพื้นฐาน

               ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมนี้พัฒนามาจากปรัชญาปฏิบัตินิยม (Pragmatism)  และผนวกเอาความคิดของปรัชญาพิพัฒนาการนิยม  (Progressivism)   เข้าไว้ด้วยกัน  (ทองปลิว  ชมชื่น,  2529 )  ปรัชญาปฏิรูปนิยมเน้นเรื่อง   แรงงาน”   (Labor)   ว่าเป็นหัวใจของสังคม   และเชื่อว่ามนุษย์จะต้องช่วยกันสร้างระบบสังคมเสียใหม่โดยถือว่า   การทำงานคือชีวิต”    ดังนั้น  รูปแบบของการศึกษาในลัทธิปรัชญานี้จึงเน้นการทำงานหรือการทำแบบฝึกหัดในบทเรียนต่าง  ๆ  อย่างมากที่สุด   ปฏิบัติการนิยมเน้นในการแก้ไขปรับปรุงสภาพสังคม    โดยอาศัยการศึกษาเป็นเครื่องมือ    พิพัฒนาการนิยมเน้นการพัฒนาเด็กไปสู่จุดมุ่งหมายที่ผู้เรียน   และผู้สอนร่วมกันกำหนดขึ้น    การผสมผสานกันระหว่างความคิดสองปรัชญาทำให้ปรัชญาปฏิรูปนิยมก่อตัวขึ้นโดยเน้นการพัฒนาการของบุคคลและของมวลชนเพื่อเข้าใจตนเองว่ามีความต้องการอะไร   สังคมประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีความสามารถและจุดมุ่งหมายของสมาชิกไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหมด  ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมเน้นการปฏิรูปสังคมและสร้างสรรค์รูปแบบของสังคมขึ้นมาใหม่ในอนาคต

หลักการสำคัญ

               ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมมีหลักการสำคัญ   (George  F.  Kneller,  1971 :62-64  อ้างใน  สุรินทร์   รักชาติ, 2529 : 59-60)  สรุปได้ดังนี้.-
1.      การศึกษาต้องเป็นการสร้างระเบียบของสังคมขึ้นมาใหม่    เพื่อให้ค่านิยมเบื้องต้นทางวัฒน
ธรรมได้บรรลุความสำเร็จตามที่ต้องการ    และขณะเดียวกันก็ต้องให้กลมกลืนกับสภาวะของสังคมและเศรษฐกิจ
2.      สังคมใหม่ต้องเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง   โดยประชาชนหรือผู้แทนที่ประชาชน
เลือกมาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการควบคุมผลประโยชน์ของสถาบันและทรัพยากรต่าง ๆ ของประเทศ
3.      การศึกษานั้นนอกจากจะทำให้บุคคลได้พัฒนาสังคมแล้วยังทำให้บุคคลได้เรียนรู้ที่จะเข้าร่วมในการวางแผนของสังคมด้วย    ดังนั้นสังคมจึงมีส่วนร่วมที่สำคัญของการศึกษา
4.      ครูผู้สอนต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาโดยครูจะต้องเชื่อและไว้วางใจเด็กในการแก้ปัญหาต่าง ๆ  ตามกระบวนการของประชาธิปไตยและเป็นที่ยอมรับของสังคมด้วย
5.      วิธีการและจุดมุ่งหมายปลายทางของการศึกษาต้องสนองความต้องการของวัฒนธรรมปัจจุบันเป็นสำคัญ    ดังนั้น  จึงต้องปฏิบัติเนื้อหาวิชา   วิธีการสอน   ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารใหม่    ทั้งนี้  เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์

ความเชื่อทางการศึกษา

               จุดมุ่งหมายการศึกษา
               จุดมุ่งหมายการศึกษาของปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมเป็นหลักสูตรที่ส่งเสริมให้โรงเรียนมีบทบาทในการปฏิรูปสังคมเพื่อใช้การศึกษาเป็นปัจจัยในการสร้างสังคมใหม่ที่มีความเสมอภาค   และความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น    ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ไพฑูรย์    ลินลารัตน์   ได้แบ่งเป็นข้อ ๆ  ไว้ดังนี้
1.      การศึกษาต้องเป็นไปเพื่อส่งเสริมพัฒนาสังคมโดยตรง    และต้องช่วยแก้ปัญหาของสังคมที่เป็นอยู่ด้วย
2.      การศึกษาจะต้องมุ่งสร้างระเบียบใหม่ของสังคมบนรากฐานของประชาธิปไตยโดยต้องคำนึงถึงพื้นฐานที่มีอยู่เดิม
3.      การศึกษาจะต้องให้เด็กเห็นความสำคัญของสังคมโดยส่วนรวม   ควบคู่ไปกับของตนเอง

องค์ประกอบของการศึกษา

               หลักสูตร

               หลักสูตรของปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมเป็นหลักสูตรที่เน้นด้านสังคมเป็นแกนสำคัญ   เพื่อส่งเสริมให้เด็กเข้าใจสภาพของสังคม   และศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของสังคมเป็นการเตรียมเด็กให้มีความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างมีคุณภาพ   ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมยึดหลักสูตรแบบแกน   (Core  Curriculum  or  Wheel   Curriculum)   คือ  การสอนเน้นหลักสูตรที่ยึดถือวิชาใดวิชาหนึ่งหรือกลุ่มวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นแกนกลาง   เนื้อหาสาระในหลักสูตรมาจากปัญหาสังคมที่ผู้เรียนประสบอยู่   ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความพร้อมในการคิดหาแนวทางในการแก้ปัญหา    และนำผลที่ได้มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ   หลักสูตรต้องกำหนดให้เด็กได้ศึกษาอย่างกว้างขวาง    เพื่อให้เด็กมองเห็นปัญหาสังคมอย่างเข้าใจแจ่มชัด   และร่วมมือกันหาข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้    เด็กจึงควรได้รับการศึกษาในเรื่องของอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชน   การขนส่ง   การอนามัยและสาธารณสุข   นิเวศวิทยา   อาชญาวิทยา   รวมทั้งวิชาที่สอนในโรงเรียน   ได้แก่   วรรณคดี   ดนตรี   ศิลป   ฟิสิกส์   เคมี   สังคมวิทยา   มานุษยวิทยา  ประวัติศาสตร์    เศรษฐศาสตร์    รัฐศาสตร์    และคณิตศาสตร์   การสอนวิชาต่าง ๆ  เหล่านี้จะทำให้เด็กเห็น  ถึงความสัมพันธ์ของวิชาดังกล่าวและจะทำให้สามารถเข้าใจสภาพของสังคมมากขึ้น
              
               โรงเรียน
               ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมเชื่อว่าบทบาทของโรงเรียนจะต้องสนใจใฝ่หาอนาคต  และนำทางให้เด็กได้พบกับระเบียบของสังคมใหม่โดยการให้การศึกษาฝึกในด้านความคิดสร้างสรรค์แก่เด็กเพื่อให้เด็กพร้อมที่จะร่วมมือในการวางแผนให้กับสังคมใหม่โรงเรียนมีหน้าที่สร้างบรรยากาศแบบสังคมประชาธิปไตยให้แก่เด็ก    และในเวลาเดียวกันโรงเรียนจะต้องทำงานร่วมกับสมาชิกอื่น ๆ ของสังคมด้วย   นั้นก็คือโรงเรียนจะต้องเป็นผู้สร้างสังคมไม่ใช่เป็นผู้ที่ถูกสังคมสร้างขึ้นมา    หากต้องการให้สังคมในอนาคตเป็นเช่นไร   โรงเรียนก็สามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ  เพื่อฝึกอบรมเด็กให้มีบุคลิกภาพทัศนคติ   และความรู้ความสามารถเป็นอย่างนั้น
              
               ผู้สอน
               ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมเชื่อว่าครูผู้สอนต้องสามารถทำให้เด็กเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างสรรค์สังคมใหม่โดยอาศัยกระบวนการแบบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในโรงเรียน    มีการนำหลักการสำคัญแบบประชาธิปไตยมาใช้     ครูผู้สอนไม่ใช่มีหน้าที่คอยชี้แนะเพียงอย่างเดียว     แต่ครูผู้สอนจะต้องเป็นผู้คอยกระตุ้นเร่งเร้าให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการคิดวิเคราะห์เพื่อหาทางแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบกพร่องต่าง ๆ ของสังคม     นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น    ครูผู้สอนจะต้องเป็นผู้ที่มีความเสียสละอุทิศตนเพื่อสังคม  มีลักษณะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นกว่าเดิม

               กระบวนการเรียนการสอน
               การเรียนการสอนตามแนวปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมมีลักษณะคล้ายคลึงกับปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม  คือ  เป็นการเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำด้วยตนเองโดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น  วิธีการทางวิทยาศาสตร์  (Scientific   Method)   วิธีการแบบโครงการ   (Project   Method)   และวิธีการแก้ปัญหา  (Problem   Solving   Method)    นอกจากนั้นปรัชญานี้ยังอาศัยวิธีการทางประวัติศาสตร์   (Historical  Method)   และวิธีการทางปรัชญา   (Philosophical  Method)   เข้ามาประกอบด้วย   เพื่อให้การศึกษาปัญหาต่าง ๆ รัดกุมและสมบูรณ์ที่สุด   ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมไม่ส่งเสริมการเรียนแบบท่องจำและการสอนแบบบรรยาย   ครูผู้สอนและเด็กควรทำอะไรก็ได้เพื่อสนองความต้องการของตน    การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง    สนใจปัญหาของสังคมเสนอแนะ    วิธีการแก้ปัญหา    บรรยากาศในการเรียนการสอนมีอิสระไม่ใช่  บังคับ   การจัดตารางสอนควรมีความยืดหยุ่น    กำหนดตามเวลาเรียนในทฤษฎีการค้นคว้าของเด็กและการอภิปรายเป็นสัดส่วนกัน    โดยเน้นการอภิปรายเป็นหลัก 

อ้างอิง พิมพ์พรรณ   เทพสุเมธานนท์ และคณะ.2544.ปรัชญาการศึกษา.กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง
              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น